คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น |
|
|
| |
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-'การเป็นคนรวยที่สุดในสุสานไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ แต่การที่ผมได้นอนหลับบนเตียงและพูดว่า วันนี้เราได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ทิ้งไว้ให้กับโลก คือสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุด'
คือคำพูดที่สตีฟ จ็อบส์ กล่าวไว้ในช่วงปี 1993 และอาจทำให้หลายคนอดนึกถึงไม่ได้เมื่อวันที่ จ็อบส์ ได้ลาจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ
'จ็อบส์ ได้ทิ้งสิ่งมหัศจรรย์ไว้กับโลกมากมาย ตั้งแต่ แมคอินทอชจนถึงไอแพด' คือคำกล่าวของสังคมทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กในหลายประเทศ และเป็นสิ่งชี้ให้เห็นว่า จ็อบส์ พูดและทำได้จริงตามคำกล่าวด้านบน
แน่นอนว่าเขาเป็นมากกว่าตำนาน เพราะจ็อบส์ไม่ได้เป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีหรือเป็นผู้สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้แก่โลกเพียงอย่างเดียว แต่จ็อบส์คือนักคิด นักพูด นักศิลปะ และเป็นตัวอย่างของนักสู้ ที่ทนต่อสู้กับมะเร็งโรคร้ายเป็นเวลามากกว่า 8 ปี โดยไม่ทิ้งบริษัทให้เดินลำพัง จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
ตลอดระยะเวลา 56 ปี ตั้งแต่เด็กชายจ็อบส์ถึงซีอีโอแอปเปิลได้สร้างสิ่งที่เป็นมากกว่าตำนานให้แก่โลกมากมาย แต่ชีวิตทุกชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุกสิ่งต้องมีจุดเริ่มต้นและแรงผลักดัน...
จ็อบส์เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1955 ที่เมืองซานฟรานซิสโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นบุตรนอกสมรสของนักศึกษาสาวมหาวิทยาลัย กับศาตราจารย์ทางด้านรัฐศาสตร์ มารดายกเขาให้เป็นบุตรบุญธรรมแก่ครอบครัว “จ็อบส์” ซึ่งมีหัวหน้าครอบครัวเป็นช่างเครื่อง โดยขอสัญญาว่าบุตรชายของเธอจะต้องได้รับการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
เมื่อโตขึ้นจ็อบส์เข้าศึกษาต่อที่ Reed College ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน เพียง 6 เดือนจ็อบส์ตัดสินใจลาพักเรียนเพราะเหตุผลว่าไม่เห็นความน่าสนใจของสิ่งที่เขาเรียนอยู่ แต่เขาก็กลับเข้าศึกษาใหม่อีก 1 ปีครึ่ง โดยลงเรียนเฉพาะคอร์สที่เขาสนใจ เช่น การประดิษฐ์ตัวอักษร (ซึ่งภายหลังเขาได้นำไปใช้ประโยชน์ในการออกแบบตัวพิมพ์ของคอมพิวเตอร์ Macintosh) หลังจากนั้น เขาหยุดเรียนถาวรและไม่ได้ศึกษาจนจบมหาวิทยาลัย
ไม่ว่าจะปรากฏกาย ณ ที่แห่งใด หรือแม้แต่ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอปเปิล สตีฟ จ็อบส์ จะมาในชุดแต่งกายเรียบง่ายคือเสื้อยืดคอเต่าแขนยาวสีดำ ยี่ห้อ St.Croix กางเกงยีนส์ลีวายส์ รุ่น 501 และสวมรองเท้ากีฬายี่ห้อ New Balance รุ่น 992 เป็นประจำจนกลายเป็นเอกลักษณ์
ทั้งนี้ ผู้ก่อตั้งบริษัท Apple Inc. และผู้บริหารระดับสูงของค่ายพิกซาร์ แอนิเมชัน สตูดิโอ (Pixar Animation Studios) อย่างจ็อบส์นั้น นับถือพุทธศาสนานิกายเซนอย่างเปิดเผย ตามประวัติระบุว่าจ็อบส์เป็นผู้ที่สนใจอ่านวรรณกรรมทางพุทธศาสนาหลายเล่ม และหนังสือที่มีอิทธิพลสูงสุดกับเขาคือ Zen Mind, Beginner’s Mind ซึ่งเขียนโดยชุนริว ซูซุกิ กล่าวกันว่า หลังการศึกษาหลักธรรมของเซน จ็อบส์เริ่มมีความเชื่อว่า การหยั่งรู้โดยสัญชาตญาณนั้น ก่อให้เกิดปัญญา เขาจึงเริ่มฝึกสมาธิในห้องนอนแคบๆ ที่แชร์ร่วมกับ “แดเนียล คอตคี” เพื่อนสนิท ท่ามกลางกลิ่นธูป
ปี 1974 จ็อบส์ในวัย 19 ปีได้ขอลาพักงานประจำที่ทำอยู่ในบริษัทเครื่องเล่นวิดีโอเกมส์ Atari เพื่อเดินทางไปอินเดีย เป็นเวลา 1 เดือน พร้อมกับเพื่อนรัก “แดเนียล คอตคี” เพื่อแสวงหาคำตอบเกี่ยวกับการรู้แจ้งเห็นจริงด้านจิตวิญญาณ และเมื่อเดินทางกลับสหรัฐฯ อีกครั้งหนึ่ง เขากลายเป็นพุทธศาสนิกชน สวมเสื้อผ้าแบบอินเดียโบราณและโกนศีรษะ หลังจากนั้น จึงเริ่มฝึกการบำบัดแบบกรีดร้องดังๆ และรับประทานผลไม้เป็นอาหาร และผลไม้ที่เขาโปรดปรานเป็นพิเศษก็คือ แอปเปิล
ปี 1976 ขณะอายุ 21 ปี จ็อบส์ได้เข้าทำงานกับบริษัทฮิวเลตต์-แพคการ์ด และเริ่มต้นศึกษาพุทธศาสนานิกายเซนอย่างจริงจังกับ “โกบุน ชิโนะ โอโตโกวะ” พระอาจารย์ชาวญี่ปุ่น ที่ศูนย์เซน ลอส อัลทอส (ซึ่งภายหลัง เมื่อจ็อบส์เข้าพิธีแต่งงานแบบเซน กับ “ลอรีน เพาเวล” ในวันที่ 18 มีนาคม 1991 พระอาจารย์โอโตโกวะได้มาเป็นประธานในพิธี)
ในปีเดียวกัน จ็อบส์และเพื่อนสมัยเรียน “สตีฟ วอซเนียก” ได้ร่วมกันก่อตั้งแอปเปิลขึ้นที่โรงรถในบ้านของจ็อบส์ เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่จ็อบส์กับวอซเนียกได้นำเสนอออกสู่สายตาได้แก่เครื่อง Apple I และเพียง 10 ปีให้หลัง Apple ก็เติบโตจากคนเพียง 2 คนกลายเป็นบริษัทใหญ่โตที่มีมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ และพนักงานมากกว่า 4,000 คน
หนึ่งในมรสุมชีวิตของจ็อบส์เกิดขึ้นเมื่อจ็อบส์อายุ 30 ปี หลังจากเพิ่งเปิดตัว Macintosh เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดของตัวเองได้ปีเดียว เขาถูกไล่ออกจากบริษัทที่ตนเองเป็นผู้ก่อตั้ง หลังจากทะเลาะกับผู้บริหาร และกรรมการบริษัทก็เข้าข้างผู้บริหารคนนั้น ครั้งนั้นจ็อบส์กล่าวว่า เขาได้สูญเสียสิ่งที่ได้ทำมาตลอดชีวิตไปในพริบตา ถึงกับคิดจะออกจากวงการคอมพิวเตอร์ไปชั่วชีวิต โดนไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันหลังจากนั้นอีกหลายเดือน
แต่จ็อบส์ก็ค้นพบว่า ตัวเองยังคงรักในสิ่งที่ตัวเองเคยทำมา และความล้มเหลวที่แอปเปิลไม่อาจเปลี่ยนแปลงความรักที่เขามีต่องานด้านไอที จ็อบส์จึงตัดสินใจเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด โดยเริ่มตั้งบริษัทใหม่ชื่อ NeXT และลงทุนใน Pixar ซึ่งขณะนี้เป็นสตูดิโอผลิตการ์ตูนแอนิเมชันที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกอย่าง Toy Story ไม่นาน แอปเปิลตัดสินใจซื้อบริษัท NeXT เพื่อทำให้จ็อบส์ได้กลับคืนสู่แอปเปิลอีกครั้ง ทำให้เทคโนโลยีที่เขาคิดค้นขึ้นที่ NeXT กลายเป็นหัวใจในยุคฟื้นฟูของแอปเปิล
ในระหว่างอิ่มเอมกับความสำเร็จ จ็อบส์ก็เริ่มป่วยและมีอาการทรุดโทรมจากผลของมะเร็ง โดยในเดือนสิงหาคม 2004 ชายวัย 49 ปี ถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับ
“หมอแนะนำว่าผมควรกลับไปจัดการธุระที่บ้านให้เรียบร้อยซะ ความหมายอีกนัยหนึ่งของหมอก็คือให้เตรียมพร้อมจะตายได้เลย หมายถึงให้กลับไปสั่งเสียลูกๆ ทั้งๆที่ ตอนแรกคุณนึกว่าจะได้มีเวลาบอกเขาอีกสักสิบปี แทนที่จะเหลือแค่ 2-3 เดือน”
จากนั้น ในปี 2009 จ็อบส์เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายตับที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี่ และกลับไปทำงานที่แอปเปิลอีกครั้ง หลังลาหยุดเป็นเวลา 6 เดือน ก่อนจะลางานรักษาตัวอีกครั้งช่วงเดือนมกราคม 2011 ที่ผ่านมา และลาออกจากตำแหน่งซีอีโอแอปเปิลในเดือนสิงหาคม ก่อนจะเสียชีวิตในเดือนตุลาคม 54 รวมวัย 56 ปี |
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น